6 ข้อสำคัญต้องรู้ ป้องกันความผิดพลาดเรื่อง “จัดการทรัพย์สินครอบครัว”

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้มีหลายข่าวที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องของการแบ่งทรัพย์สินของครอบครัวถึงขั้นยื่นฟ้องร้องกันซึ่งนำไปสู่ความแตกแยกหรือร้ายแรงสุดถึงขั้นมีการฆาตรกรรมกันเกิดขึ้นในครอบครัว

เรื่องของการจัดการทรัพย์สินครอบครัวนั้นเป็นเรื่องใหญ่ที่ผู้คนส่วนใหญ่มักไม่ได้นึกถึงมากนัก แต่เมื่อเกิดปัญหาขึ้นนับเป็นเรื่องที่ใหญ่และแก้ไขได้ค่อนข้างยากและใช้เวลานานเนื่องจากมีเรื่องของทรัพย์สินและเรื่องของกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยดังนั้นการป้องกันไม่ให้เรื่องนี้เกิดขึ้นจึงเป็นวิธีที่ง่ายกว่าการมาแก้ไขในภายหลัง

Finansia Wealth เล็งเห็นถึงความสำคัญของการจัดการทรัพย์สินครอบครัวจึงได้รวบรวมข้อผิดพลาดที่ผู้คนส่วนใหญ่มักจะนึกไม่ถึง มาดูกันว่ามีอะไรกันบ้างที่ต้องรู้เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในการจัดการทรัพย์สินของครอบครัวขึ้นในอนาคต

1. ขาดความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดการทรัพย์สินครอบครัว ทำให้ไม่ได้เตรียมการล่วงหน้า

เพราะความไม่รู้และไม่ได้เห็นความสำคัญของการจัดการทรัพย์สินครอบครัว เมื่อเกิดปัญหาขึ้นทำให้การแก้ปัญหานั้นเป็นไปได้ยาก ดังนั้นการศึกษาหาข้อมูลหรือความรู้เพิ่มเติมเป็นเรื่องที่สำคัญและจำเป็นอย่างมาก

2. ใช้เครื่องมือและบริการทางการเงินไม่เหมาะสม เครื่องมือและบริการทางการเงินมีมากมายให้เลือกใช้ แต่หากเลือกใช้ผิดประเภท ผิดจุดประสงค์ เช่น การมองว่าเงินฝากคือสภาพคล่องแต่ในความเป็นจริงแล้วอาจจะไม่ใช่สภาพคล่องก็ได้ บางกรณีอาจจะไม่สามารถถอนเงินออกมาได้ในยามจำเป็น หรือการใช้ผลิตภัณฑ์ทางการลงทุน ที่มีความผัน ก็สามารถขาดทุนได้เช่นกัน ดังนั้นการใช้เครื่องมือและบริการทางการเงินให้เหมาะสมควบคู่ไปกับการจัดการทรัพย์สินครอบครัวจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก

3. มีทรัพย์สินหลายอย่างแต่กระจัดกระจาย ส่งผลให้ดูแลสินทรัพย์ได้ยาก ข้อนี้เป็นข้อที่สำคัญมาก โดยเฉพาะท่านที่มีทรัพย์สินเยอะหรือเป็นเจ้าของกิจการ ทรัพย์สินที่ลูกค้ามีอยู่จะมีมากมายทั้งทรัพย์สินที่เป็นชื่อของตัวเอง ทรัพย์สินที่เป็นชื่อของคนในครอบครัว และทรัพย์สินที่เป็นชื่อของบริษัท ดังนั้นหากไม่มีการจัดระเบียบใหม่และไม่บริหารจัดการให้ดี จะทำให้การจัดการทรัพย์สินในภาพรวมนั้นจัดการได้ยากและล่าช้า

4. มองข้ามการใช้เครื่องมือทางกฎหมาย จริงอยู่ในเรื่องที่ว่าการจัดการทรัพย์สินนั้นจำเป็นที่จะต้องใช้เครื่องมือทางการเงินเป็นหลัก แต่บางครั้งท่านอาจจะมองข้ามการใช้เครื่องมือทางกฎหมายไป เมื่อเกิดปัญหาขึ้นสุดท้ายใช้เครื่องมือทางกฎหมายเข้ามาช่วยจะส่งผลให้ครอบครัวมีปัญหาตามมา เพราะฉนั้นในการเข้าใจกฎหมายที่จำเป็นและเกี่ยวกับกฎหมายของครอบครัวจะทำให้ลดค่าใช้จ่ายและลดปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้

5. ทำประกันชีวิตไม่สัมพันธ์กับความต้องการ แน่นอนว่าการปิดความเสี่ยงที่ดีอย่างหนึ่งคือ “การทำประกันชีวิต” คนส่วนมากจึงเลือกทำประกันชีวิตแต่อาจจะไม่สัมพันธ์กับความต้องการของคนภายในครอบครัวจริงๆ ส่งผลให้จ่ายค่าเบี้ยประกันมากเกินความจำเป็น ทำให้สิ่งที่ได้มาไม่คุ้มค่ากับเงินที่เสียไป หรืออาจจะทำประกันความเสี่ยงน้อยเกินไปกับสิ่งที่จำเป็นสำหรับครอบครัว จึงจำเป็นที่จะต้องมาทบทวนว่าคนในครอบครัวมีความจำเป็นที่จะต้องใช้ประกันในเรื่องใดบ้าง เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียเงินก้อนใหญ่และจ่ายเท่าที่จำเป็นต้องใช้

6. ขาดการเตรียมพร้อมทั้งก่อนและหลังเสียชีวิต ในเรื่องของการจัดการทรัพย์สินครอบครัวนั้น ในตอนที่มีชีวิตและตอนที่เสียชีวิตไปแล้ว การจัดการทรัพย์สินนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ฉนั้นผู้ที่เป็นผู้นำครอบครัวต้องเข้าใจถึงการจัดการทรัพย์สินทั้งก่อนและหลังเสียชีวิต เพื่อที่จะได้วางแผนอย่างครบถ้วนไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคตเวลาที่ท่านไม่อยู่แล้ว

ให้ FInansia Wealth ช่วยวางแผนในทุกช่วงเวลา ตั้งแต่เริ่มต้นความมั่งคั่ง ไปจนถึงเมื่อใกล้เวลาต้องส่งต่อด้วย บริการที่ปรึกษาด้านการจัดการทรัพย์สินครอบครัว (Family Wealth Planning) ด้วยเครื่องมือที่จบวงจรทั้ง ด้านกฎหมาย ภาษี และบัญชี ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการทรัพย์สินของครอบครัว ด้านการเจรจา เช่น การจัดตั้งธรรมนูญครอบครัว ด้านความคุ้มครอง เช่น ประกันชีวิต และประกันวินาศภัยที่เหมาะสม และ ด้านการลงทุน เช่น กองทุนรวม, กองทุนส่วนบุคคล หุ้นกู้ หรือ ETF ที่ครอบคลุมสินทรัพย์การลงทุนทั่วโลก

ครอบคลุมทุกด้านของการจัดการทรัพย์สินครอบครัว  ทั้งการบริหารภาษีที่เกี่ยวข้องกับจัดการทรัพย์สินครอบครัว, การจัดเตรียมช่องทางการส่งต่ออย่างราบรื่น ไปพร้อมๆ กับทำให้ทรัพย์สินเหล่านั้นเติบโตตามเป้าประสงค์ได้ในระยะยาว

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและติดต่อเปิดบัญชีได้ที่ : 

ฝ่ายบริหารสินทรัพย์ลงทุนลูกค้า

02-625-2442

wealth-management@fnsyrus.com

ติดตามเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงก์ด้านล่าง

Web : https://www.finansiawealth.com/

Facebook : https://www.facebook.com/FinansiaWealth?mibextid=LQQJ4d

Yotube : https://youtube.com/@finansiasyrusfnsyrus?si=zgv2lBycsiXBkaKd

บทความที่เกี่ยวข้อง

Taper Tantrum 2013 คืออะไร

หลังวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ (2008) ธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้ใช้ Quantitative Easing (QE) เพื่ออัดฉีดสภาพคล่องสู่ระบบ ผ่านการซื้อพันธบัตรรัฐบาลในปริมาณมหาศาล ส่งผลให้ดอกเบี้ยระยะยาวลดต่ำลง สนับสนุนการกู้ยืม การจ้างงาน และการลงทุน แต่ในเดือนพฤษภาคม 2013 เพียงแค่คำกล่าวของ Ben Bernanke ประธาน Fed ขณะนั้นที่บอกว่า “Fed อาจเริ่มลดการซื้อพันธบัตรในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า” ก็เพียงพอที่จะกระตุ้นความตื่นตระหนกของตลาดทั่วโลก

ส่งผลให้นักลงทุนกังวลว่าการลดสภาพคล่องจากระบบ Quantitative Tightening (QT) จะเกิดขึ้นในไม่ช้า และอาจตามมาด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคต ซึ่งเป็นผลลบต่อตลาดตราสารหนี้ จาก Demand ของตราสารหนี้ที่อาจขาดหายไป และการขึ้นดอกเบี้ยที่กดดันราคาตราสารหนี้ระยะยาว (Long Duration) 

ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ระยะยาวปรับตัวสูงขึ้น สวนทางตั๋วเงินคลังระยะสั้น พร้อมกับสร้างแรงกดดันไปยังตลาดหุ้นสหรัฐฯ ผ่านความกังวลด้านต้นทุนการเงินที่เร่งตัวขึ้น และตลาดหุ้นประเทศตลาดเกิดใหม่ (EM) ไปพร้อมๆ กัน จากเงินทุนไหลออก

ทำให้ในช่วงเวลาดังกล่าวอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้นจาก 1.6% สู่ระดับใกล้เคียง 3% ตลาดหุ้น EM ปรับตัวลง 15-20% โดยเฉลี่ย และตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลงประมาณ 6%

เมื่อเผชิญสถานการณ์ดังกล่าวนักลงทุนควรที่จะ

  • ลดสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอายุคงเหลือยาวนาน (duration สูง)
  • เสริมความแข็งแกร่งให้พอร์ตด้วยเงินสด หรือสินทรัพย์ที่ไม่มีความสัมพันธ์กับตลาดหุ้น
  • กระจายพอร์ตการลงทุนในสินทรัพย์ที่ได้ประโยชน์จากความผันผวน อาทิ Vix ETF
  • หากลงทุนในหุ้น อาจเน้นหุ้นคุณภาพสูง กระแสเงินสดดี ROIC สูง มีอัตราการกู้ยืมต่ำ
  • หลีกเลี่ยงสินทรัพย์ของประเทศที่อ่อนไหวต่อ Fund Flow, บริษัทหรือหุ้นที่มีอัตราการกู้ยืมสูง หรือ ยังไม่มีกำไร เป็นต้น 
  • ติดตามสถานการณ์การประชุม FOMC อย่างใกล้ชิดเพื่อประเมินสถานการณ์💡มองหาสินทรัพย์ที่ Panic Sell มากเกินไป เพื่อสร้างโอกาสจากความผันผวน

การนึกถึง Scenario ต่างๆ เพื่อกำหนดกลยุทธ์การลงทุนเอาไว้ให้พร้อมเสมอ เป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งในการบริหารพอร์ตการลงทุนให้เติบโตไปอย่างมั่นคง เพื่อให้เมื่อสถานการณ์เกิดขึ้น ทั้งเป็นไปตามคาด และผิดคาด นักลงทุนจะสามารถดำเนินการได้อย่างทันท่วงที ด้วยเหตุผลตามกลยุทธ์ที่กำหนดไว้แล้ว

คำเตือน : การลงทุนมีความเสี่ยงผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

FINANSIA WEALTH เรามุ่งเน้นการให้บริการด้านการวางแผนเพื่อการลงทุน การวางแผนเพื่อเกษียณอายุ และการจัดการสินทรัพย์ครอบครัว ด้วยผลิตภัณฑ์ทางการเงินการลงทุนที่หลากหลายครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า พร้อมส่งเสริมความรู้ด้านการลงทุนอย่างต่อเนื่อง

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและติดต่อเปิดบัญชีได้ที่
ฝ่ายบริหารสินทรัพย์ลงทุนลูกค้า
📌 บมจ. หลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส
📌 ฝ่ายบริหารสินทรัพย์ลงทุนลูกค้า
☎️ 02-625-2403
✉️ finansia-wealth@fnsyrus.com

ติดตามเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงก์ด้านล่าง
Web : https://www.finansiawealth.com/
Facebook : https://www.facebook.com/FinansiaWealth?mibextid=LQQJ4d
Yotube : https://youtube.com/@finansiasyrusfnsyrus?si=zgv2lBycsiXBkaKd


ในโลกที่ตลาดหุ้นไม่แน่นอน ตลาดพันธบัตรก็ไม่ปลอดภัยเหมือนเดิม และ correlation ระหว่างสินทรัพย์ดั้งเดิมเริ่มขยับไปทางเดียวกันมากขึ้นเรื่อยๆ นักลงทุนมืออาชีพจำนวนมากจึงเริ่มหันมามองหาเครื่องมือที่สามารถ “ลด drawdown” ได้จริง และสร้างผลตอบแทนในเชิง Absolute มากกว่าแค่ “ชนะตลาดแบบ Relative” 

หนึ่งในกลยุทธ์ที่น่าสนใจคือ Absolute Return Fund หรือ “กองทุนผลตอบแทนสัมบูรณ์” ที่วางเป้าหมายหลักในการสร้างผลตอบแทนเป็นบวกเสมอในแต่ละช่วงเวลา โดยไม่สนใจว่าตลาดจะขึ้น ลง หรือ Sideway

❓Absolute Return Fund คืออะไร

กองทุนดั้งเดิมจะเน้นพยายามเอาชนะดัชนี เช่น ดัชนีปรับตัวขึ้น 5% กองทุนจะตั้งเป้าสร้างผลตอบแทนมากกว่า 5% หรือในกรณีที่กองทุนปรับตัวลง 5% กองทุนจะตั้งเป้า ปรับตัวลงน้อยกว่า 5% ขณะที่ Absolute Return Fund จะตั้งเป้า“ชนะตลาดทุกสภาวะ” (All Weather Return) กล่าวคือ ไม่ว่าดัชนีจะปรับตัวขึ้นลงเท่าไหร่ กองทุนก็จะตั้งเป้าสร้างผลตอบแทนเป็นบวกเสมอ บนกรอบเวลาที่กำหนด เช่น ทุกๆ ไตรมาส, ทุกๆ ปี 

✅ เป้าหมายไม่ใช่ outperform ดัชนี แต่คือทำผลตอบแทนเป็นบวก อย่างสม่ำเสมอในระยะยาว

✅ Return +5% คือ “Success” แม้ตลาดจะติดลบ -10% เพราะไม่ได้ benchmark กับตลาด

โดยสรุป Absolute Return Fund คือ “การลงทุนแบบไม่สนใจตลาด” ด้วยเครื่องมือ และกลยุทธ์ที่หลากหลาย อาทิ

🔄 Long/Short Strategy

– เข้าซื้อหุ้นที่คาดว่าจะขึ้น

– เปิด Short หุ้นที่คาดว่าจะลง

– ทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง ไปพร้อมๆ กับลดความสัมพันธ์ (Correlation) กับตลาด

🛡️ Derivatives & Hedging

– ใช้ Options, Futures หรือ Swaps เพื่อลดความเสี่ยง หรือเก็งกำไรจาก Volatility

– ป้องกัน downside หรือ Lock-in ผลกำไร

📊 Multi-Asset & Macro Strategy

– ลงทุนในหุ้น, ตราสารหนี้, ค่าเงิน, Commodity

– Dynamic Allocation เปลี่ยนสัดส่วนตาม Market Regime

📏 Risk Control ขั้นสูง

– ใช้ Stop-loss, VaR, หรือ Volatility Targeting ควบคุม Drawdown

– หลายกองใช้ Sharpe Ratio และ Max Drawdown เป็น KPI สำคัญ

สำคัญคือการ ควบคุมความเสี่ยงอย่างเข้มข้นเพื่อรักษาเสถียรภาพของพอร์ตการลงทุน 


ในแง่ของการจัดพอร์ตการลงทุน (Asset Allocation) Absolute Return Fund นับเป็นสินทรัพย์ที่เหมาะแก่การกระจายลงทุน เพราะช่วยให้ความสัมพันธ์กับสินทรัพย์ต่างๆ ต่ำลง พร้อมด้วยการตั้งเป้าสร้างผลตอบแทนได้สม่ำเสมอในทุกๆ สภาวะ ลดโอกาสการเกิด Overhedge หรือป้องกันความเสี่ยงมากเกินไป จนส่งผลต่อผลตอบแทนที่คาดหวัง

หรืออาจใช้ในลักษณะของ Tactical Allocation เมื่อทิศทางตลาดไม่ชัดเจน เมื่อความกังวล หรือความเสี่ยงเร่งตัวมากขึ้นก็สามารถทำได้

ข้อจำกัดของกองทุนกลุ่ม Absolute Return Fund

1️⃣ กลยุทธ์ซับซ้อน อาจเข้าใจยากสำหรับมือใหม่

2️⃣ ให้ผลตอบแทนต่ำกว่าหุ้นในช่วงตลาดขาขึ้นแรง

3️⃣ ค่าธรรมเนียมสูงกว่ากองทุน Passive ทั่วไป

SCBGEARA กองทุน Jupiter Merian Global Equity Absolute Return Fund ซึ่งใช้กลยุทธ์การลงทุนแบบ Market Neutral เพื่อสร้างผลตอบแทนสม่ำเสมอในทุกสภาวะตลาด เหมาะสมแก่การถือครองเพื่อกระจายความเสี่ยง

คำเตือน : การลงทุนมีความเสี่ยงผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

FINANSIA WEALTH เรามุ่งเน้นการให้บริการด้านการวางแผนเพื่อการลงทุน การวางแผนเพื่อเกษียณอายุ และการจัดการสินทรัพย์ครอบครัว ด้วยผลิตภัณฑ์ทางการเงินการลงทุนที่หลากหลายครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า พร้อมส่งเสริมความรู้ด้านการลงทุนอย่างต่อเนื่อง

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและติดต่อเปิดบัญชีได้ที่
📌 บมจ. หลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส
📌 ฝ่ายบริหารสินทรัพย์ลงทุนลูกค้า
☎️ 02-625-2442
✉️ finansia-wealth@fnsyrus.com

ติดตามเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงก์ด้านล่าง
Web : https://www.finansiawealth.com/
Facebook : https://www.facebook.com/FinansiaWealth?mibextid=LQQJ4d
Yotube : https://youtube.com/@finansiasyrusfnsyrus?si=zgv2lBycsiXBkaKd


Buffett Indicator เครื่องที่วอร์เรน บัฟเฟตต์ใช้ดูความถูก/แพงของตลาดหุ้น….

“วอร์เรน บัฟเฟตต์” ชื่อนี้แทบจะกลายเป็นตำนานในโลกการลงทุน นักลงทุนระดับโลกผู้เป็นต้นแบบของ Value Investment หรือการลงทุนเชิงคุณค่า ที่ให้ความสำคัญกับการซื้อหุ้นที่มีราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง (Intrinsic Value) วิธีคิดของเขาเรียบง่ายแต่ทรงพลัง — ลงทุนในสิ่งที่เข้าใจ และไม่จ่ายแพงเกินไปสำหรับสินทรัพย์ที่ซื้อ

สำหรับนักลงทุนแนวทางนี้ การประเมินว่าตลาดหุ้นในภาพรวม “ถูก” หรือ “แพง” เป็นเหมือนการวางเข็มทิศก่อนออกเดินทาง เพราะแม้จะเจอบริษัทดีแค่ไหน แต่หากตลาดโดยรวมอยู่ในช่วงฟองสบู่ โอกาสทำกำไรก็อาจน้อยลงหรือเสี่ยงขาดทุนได้มากขึ้น

ในโลกการเงินมีเครื่องมือและตัวชี้วัดมากมายที่ใช้ประเมินความถูกแพงของตลาด เช่น P/E Ratio ที่เปรียบเทียบราคาหุ้นกับกำไรต่อหุ้น หรือ P/BV Ratio ที่เปรียบเทียบราคาหุ้นกับมูลค่าทางบัญชีของบริษัท ซึ่งนักลงทุนส่วนใหญ่คุ้นเคยและใช้กันอย่างแพร่หลาย

แต่สำหรับบัฟเฟตต์ เขามีตัวชี้วัดที่มองภาพรวมได้ชัดเจนกว่านั้น และใช้เป็น “สัญญาณเตือนภัยล่วงหน้า” ว่าตลาดกำลังอยู่ในจุดที่เสี่ยงหรือไม่ เครื่องมือนั้นคือ Buffett Indicator หรืออัตราส่วนระหว่าง #มูลค่าตลาดหุ้นทั้งหมด กับ #ขนาดเศรษฐกิจของประเทศ (GDP)

Buffett Indicator ไม่ได้เป็นเพียงตัวเลขทางสถิติ แต่เป็นเสมือนภาพถ่ายมุมสูงของทั้งตลาดหุ้นและเศรษฐกิจ หากตัวเลขสูงมากเกินไป ย่อมสื่อว่ามูลค่าตลาดหุ้นโดยรวมอาจเกินกว่าพื้นฐานทางเศรษฐกิจจะรองรับได้ และนั่นอาจเป็นสัญญาณเตือนให้นักลงทุนระมัดระวังมากขึ้น

แล้วเครื่องมือนี้ทำงานอย่างไร? เราจะพาไปเจาะลึกมากขึ้น

เป็นตัวชี้วัดที่สะท้อนภาพรวมของมูลค่าตลาดหุ้นเมื่อเทียบกับขนาดเศรษฐกิจของประเทศ สามารถคำนวณได้จาก  

( มูลค่าตลาดหุ้นทั้งหมด​GDP​) ×100   ซึ่งค่าที่คำนวณออกมา สามารถบ่งบอกได้ดังนี้

▪️ < 100% = ตลาดหุ้นอาจอยู่ในภาวะ “ถูก” (Undervalued)
▪️ใกล้เคียง 100% = ตลาดอยู่ในระดับสมเหตุสมผล (Fair Valued)
▪️ > 100% = ตลาดมีแนวโน้ม “แพง” (Overvalued)
▪️ ≥ 200% = เป็นสัญญาณอันตราย เตือนถึงฟองสบู่ (Bubble)

เมื่อมองภาพรวมของตลาดในปัจจุบัน แสดงให้เห็นว่า มูลค่าตลาดรวมของดัชนี Wilshire 5000 อยู่ที่ราว 65.47 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ GDP ของสหรัฐฯ อยู่ที่ 30.15 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2568)

ทั้งนี้ดัชนี Wilshire 5000 คือ ดัชนีที่สะท้อนภาพรวมตลาดหุ้นสหรัฐฯ กว้างที่สุด ครอบคลุมหุ้นทุกขนาดและอุตสาหกรรม ใช้กันมากในการวัดขนาด “ตลาดหุ้นสหรัฐฯ” ทั้งหมด ซึ่งมีการคำนวณแบบ “Market Cap Weighted”

เมื่อนำตัวเลขทั้งสองมาคำนวณ จะได้ค่า Buffett Indicator ประมาณ 217% (Bubble) เป็นระดับที่ส่งสัญญาณให้ #นักลงทุนเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะโอกาสที่ราคาหุ้นจะผันผวนหรือปรับฐานมีมากขึ้นในช่วงหลังจากนี้

ดังนั้นแล้วกองทุน MGALL (MFC Global Strategic Allocation Fund) ซึ่งกระจายลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลายทั่วโลก และให้น้ำหนักในแต่ละสินทรัพย์ตามความเสี่ยงแบบ Risk Parity จะช่วยลดความผันผวนของพอร์ตลงทุนในภาวะที่ตลาดหุ้นมีความเสี่ยง รับโอกาสสร้างได้ผลตอบแทนจากสินทรัพย์อื่นๆ  📌 ลงทุนเริ่มต้น 1,000 บาท ระดับความเสี่ยง 5

อย่างไรก็ดี Buffett Indicator ยังมีข้อจำกัดในด้าน

อัตราดอกเบี้ย มีผลต่อการหนุนหรือกดดันภาวะการลงทุน ในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยต่ำ อาจทำให้ดัชนีสูงกว่าในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยสูงได้ ดังนั้นอาจต้องพิจารณาปัจจัยนี้ประกอบในแต่ละช่วงเวลา

การเติบโตของบริษัทข้ามชาติ เช่น ที่ทำกำไรนอกประเทศ แต่ GDP อาจไม่สะท้อนทั้งหมด ทำให้ดัชนีสูงขึ้นโดยที่เศรษฐกิจจริงอาจไม่ได้เติบโตตาม

ไม่ครอบคลุมปัจจัยอื่นๆ เช่น อัตราดอกเบี้ย ตัวเลขกำไรบริษัท เงินเฟ้อ หรือความเสี่ยงทางเศรษฐกิจอื่นๆ จึงไม่ควรใช้เป็นเครื่องชี้วัดเพียงอย่างเดียวดังนั้นต้องใช้ควบคู่กับการวิเคราะห์ปัจจัยอื่น ๆ ทั้งด้านเศรษฐกิจ การเงิน และผลประกอบการของบริษัท การนำตัวชี้วัดนี้มาใช้จึงควรพิจารณาให้สอดคล้องกับบริบทของตลาดในขณะนั้น เพื่อความรอบคอบ และเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จมากขึ้น

คำเตือน : การลงทุนมีความเสี่ยงผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

FINANSIA WEALTH เรามุ่งเน้นการให้บริการด้านการวางแผนเพื่อการลงทุน การวางแผนเพื่อเกษียณอายุ และการจัดการสินทรัพย์ครอบครัว ด้วยผลิตภัณฑ์ทางการเงินการลงทุนที่หลากหลายครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า พร้อมส่งเสริมความรู้ด้านการลงทุนอย่างต่อเนื่อง

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและติดต่อเปิดบัญชีได้ที่
📌 บมจ. หลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส
📌 ฝ่ายบริหารสินทรัพย์ลงทุนลูกค้า
☎️ 02-625-2442
✉️ finansia-wealth@fnsyrus.com

ติดตามเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงก์ด้านล่าง
Web : https://www.finansiawealth.com/
Facebook : https://www.facebook.com/FinansiaWealth?mibextid=LQQJ4d
Yotube : https://youtube.com/@finansiasyrusfnsyrus?si=zgv2lBycsiXBkaKd

PHP Code Snippets Powered By : XYZScripts.com