ท่าทีแข็งกร้าวของประธานาธิบดีทรัมป์ต่อทั่วโลก สร้างแรงกดดันต่อเศรษฐกิจและการลงทุนอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าในปัจจุบันการเจรจากับนานาประเทศจะเริ่มต้นขึ้นแล้วก็ตาม แต่การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง และการพึ่งพาตนเองมากขึ้นของนานาประเทศอาจจะยังคงอยู่ต่อไป หนุนโอกาสที่เศรษฐกิจจะชะลอตัวเป็นไปได้มากขึ้น
#เวียดนาม หนึ่งในประเทศที่โดดเด่นอย่างยิ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก็เป็นหนึ่งในประเทศที่กำลังเร่งปรับตัวเพื่อให้การเติบโตของเศรษฐกิจเป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดดเด่นและมั่นคง
ใน 1Q/2025 เวียดนามสามารถขยายตัวได้ถึง 6.9% YoY ซึ่งเป็นการขยายตัวแบบทั่วถึง นำโดยภาคบริการขยายตัว 7.7% YoY จากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวและการบริโภคภายในประเทศ ตามมาด้วยภาคอุตสาหกรรมและการก่อสร้างขยายตัว 7.4% YoY จากการฟื้นตัวของการผลิตและการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน

รูปที่ 1 การเบิกจ่ายการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) | Source SSI.com as of 20/05/2025
อีกส่วนสำคัญที่ช่วยการการเติบโตของเศรษฐกิจเวียดนามคือ เวียดนามยังคงรักษาสถานะหนึ่งในจุดหมายปลายทางการลงทุนชั้นนำในภูมิภาคอาเซียน โดยข้อมูลล่าสุด แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่แข็งแกร่งของนักลงทุนต่างชาติ ผ่านการเบิกจ่ายเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI Disbursement) ในช่วง สามเดือนแรกของปี 2025 (3M) ที่มีมูลค่าสูงถึง 5.0 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งนับเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 ปี ทั้งนี้แนวโน้มการเบิกจ่าย FDI ของเวียดนามที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เอื้อต่อการลงทุน และนโยบายของภาครัฐที่มุ่งเน้นการดึงดูดเม็ดเงินจากต่างชาติ

รูปที่ 2 คาดการณ์ผลกระทบจากสงครามการค้าต่อ GDP เวียดนาม | Source SSI.com as of 20/05/2025
อย่างไรก็ตามการที่เวียดนาม ส่งออกสินค้าไปสหรัฐฯ กว่า 120 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็นกว่า 29.5% ของการส่งออกทั้งหมด โดยทาง SSI Securities Corporation ประเมินว่า อาจสร้างแรงกดดันต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจให้ชะลอตัวลงได้สูงสุดถึง 3.21% หากเวียดนามต้องเผชิญอัตราภาษีสินเข้าสูงสุดที่ระดับ 46% จากเดิมทีที่เวียดนามถูกคาดว่าจะเติบโต 8% ในปี 2025 เหนือประเทศอื่นๆ ในอาเซียนที่ถูกคาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย 5%
โดยกลุ่มสินค้าหลักที่ได้รับผลกระทบสูงสุด ได้แก่:
👉คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องจักรอุปกรณ์ มูลค่าส่งออกรวม 72 พันล้านดอลลาร์ คิดเป็น 51% ของการส่งออกทั้งหมดไปยังสหรัฐฯ ยังได้รับการยกเว้นภาษี
👉สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม และ รองเท้า มูลค่าส่งออก 15 พันล้านดอลลาร์ และ 9 พันล้านดอลลาร์ ตามลำดับ ซึ่งเดิมถูกเก็บภาษีในอัตรา 14% และ 12% ตามลำดับในปี 2024 โดยอาจจะถูกเก็บภาษีสูงถึง 46% ก่อนมีการเจรจา
👉เฟอร์นิเจอร์ และ ผลิตภัณฑ์พลาสติก มูลค่าส่งออก 15 พันล้านดอลลาร์ และ 4 พันล้านดอลลาร์ ตามลำดับ ก็อาจจะได้รับผลกระทบจากภาษีสูงถึงระดับ 47% และ 51% ตามลำดับ ก่อนมีการเจรจา
ทั้งจากผลกระทบจากสงครามการค้าที่อาจเกิดขึ้นข้างต้น และการเตรียมเดินหน้าไปสู่ประเทศพัฒนาแล้วอย่างมั่นคง หนุนให้เวียดนามผลักดันมาตรการ Doi Moi 2.0 หรือ มาตรการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจและสถาบัน โดยมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพกลไกภาครัฐ การยกระดับกรอบกฎหมาย และการส่งเสริมสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่โปร่งใสและเป็นมิตรกับนักลงทุน เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลกยุคใหม่ ซึ่งประกอบไปด้วย
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ที่รัฐบาลได้เร่งลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญเพื่อสนับสนุนการเติบโตในระยะยาว ได้แก่:ด้านคมนาคม: มีการเริ่มต้นโครงการใหญ่กว่า 80 โครงการในวันที่ 19 เมษายน ซึ่งรวมถึงทางรถไฟความเร็วสูงสายเหนือ-ใต้👉ด้านพลังงาน: มีการปรับปรุงแผนพัฒนาพลังงานแห่งชาติ (PDP8)
ด้านดิจิทัล: เดินหน้าแผนยุทธศาสตร์ตามมติที่ 57 เพื่อเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจดิจิทัล
ด้านการเงิน: ส่งเสริมบล็อกเชน การยกระดับตลาดทุน
มาตรการเชิงนโยบายเพื่อสนับสนุนประชาชนและธุรกิจ เพื่อหนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจ และยกระดับสังคม อาทิ
การลดภาษีประเภทต่างๆ ได้แก่ ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT), ภาษีนิติบุคคล (CIT) และภาษีสรรพสามิต (SCT)
การสนับสนุนการศึกษาและระบบสาธารณสุขฟรี
การปลดล็อกข้อจำกัดทางกฎหมายในตลาดที่อยู่อาศัย และการจัดตั้ง “กองทุนที่อยู่อาศัยแห่งชาติ”
การผลักดันมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำและแพ็คเกจสินเชื่อระยะสั้น

รูปที่ 3 การใช้จ่ายภาครัฐ และเอกชน เวียดนาม | Source SSI.com as of 20/05/2025
หนุนให้ความคาดหวังการเติบโตของเวียดนามนั้น ยังมีโอกาสเติบโตอย่างมั่นึวเพิ่มเติมมากขึ้น ข้อมูลจากกระทรวงการคลังเวียดนาม (MOF) ระบุว่า ภาครัฐมีแนวโน้มเพิ่มการใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในปี 2025 คาดว่าการใช้จ่ายภาครัฐจะสูงที่สุดในรอบหลายปี ขณะที่สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP มีแนวโน้มลดลงจากระดับกว่า 60% ในปี 2020 มาอยู่ที่ประมาณ 40% ในปี 2024 ก่อนจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในปี 2025
ลดการพึ่งพาเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ ลดความอ่อนไหวต่อเศรษฐกิจโลก รวมไปถึงปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ ที่อาจเร่งตัวอย่างคาดเดาไม่ได้

รูปที่ 4 Vietnam PE Valuation | Source SSI.com as of 20/05/2025
เมื่อพิจารณาไปยัง Valuation จะพบว่าระดับมูลค่าของตลาด ณ ปัจจุบันอยู่ในจุดที่น่าสนใจที่ P/E 11.6x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ 15.5x หรือคิดเป็นระดับ -2SD หนุนความน่าสนใจจากโอกาสการเติบโตในระยะยาว และการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่จะนำมาซึ่งความมั่นคงมากยิ่งขึ้น
อีกทั้งเมื่อพิจารณาไปยังการปรับตลาดหุ้นเวียดนามเข้าสู่ระดับตลาดเกิดใหม่ของ FTSE ในช่วงต้นปี 2026 ที่จะส่งเสริมให้มีเงินลงทุนไหลเข้าสู่ตลาดเวียดนามมากขึ้น 1 – 9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หนุนโอกาสการปรับตัวขึ้นในอนาคต สร้างความน่าสนใจลงทุนในระยะยาว
กองทุนหุ้นเวียดนามยอดนิยม📊 PRINCIPAL VNEQ-A กองทุนคัดเลือกหุ้นเวียดนามโดยตรง ด้วยกลยุทธ์แบบ High Conviction ประมาณ 20 ตัว วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกด้วยวิธี Bottom-up และ Top-down ผ่านการทำ Internal Research และ Site Visit บริษัทในเวียดนามทุกไตรมาส เน้นสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่ม (Alpha) ด้วยการเข้าถึงข้อมูลที่รวดเร็วก่อนตลาด โดยมีเป้าหมาย Excess return 3% เหนือ Benchmark
คำเตือน : การลงทุนมีความเสี่ยงผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
FINANSIA WEALTH เรามุ่งเน้นการให้บริการด้านการวางแผนเพื่อการลงทุน การวางแผนเพื่อเกษียณอายุ และการจัดการสินทรัพย์ครอบครัว ด้วยผลิตภัณฑ์ทางการเงินการลงทุนที่หลากหลายครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า พร้อมส่งเสริมความรู้ด้านการลงทุนอย่างต่อเนื่อง
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและติดต่อเปิดบัญชีได้ที่
📌 บมจ. หลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส
📌 ฝ่ายบริหารสินทรัพย์ลงทุนลูกค้า
☎️ 02-625-2442
✉️ finansia-wealth@fnsyrus.com
ติดตามเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงก์ด้านล่าง
Web : https://www.finansiawealth.com/
Facebook : https://www.facebook.com/FinansiaWealth?mibextid=LQQJ4d
Yotube : https://youtube.com/@finansiasyrusfnsyrus?si=zgv2lBycsiXBkaKd