Taper Tantrum 2013 คืออะไร
หลังวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ (2008) ธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้ใช้ Quantitative Easing (QE) เพื่ออัดฉีดสภาพคล่องสู่ระบบ ผ่านการซื้อพันธบัตรรัฐบาลในปริมาณมหาศาล ส่งผลให้ดอกเบี้ยระยะยาวลดต่ำลง สนับสนุนการกู้ยืม การจ้างงาน และการลงทุน แต่ในเดือนพฤษภาคม 2013 เพียงแค่คำกล่าวของ Ben Bernanke ประธาน Fed ขณะนั้นที่บอกว่า “Fed อาจเริ่มลดการซื้อพันธบัตรในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า” ก็เพียงพอที่จะกระตุ้นความตื่นตระหนกของตลาดทั่วโลก
ส่งผลให้นักลงทุนกังวลว่าการลดสภาพคล่องจากระบบ Quantitative Tightening (QT) จะเกิดขึ้นในไม่ช้า และอาจตามมาด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคต ซึ่งเป็นผลลบต่อตลาดตราสารหนี้ จาก Demand ของตราสารหนี้ที่อาจขาดหายไป และการขึ้นดอกเบี้ยที่กดดันราคาตราสารหนี้ระยะยาว (Long Duration)
ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ระยะยาวปรับตัวสูงขึ้น สวนทางตั๋วเงินคลังระยะสั้น พร้อมกับสร้างแรงกดดันไปยังตลาดหุ้นสหรัฐฯ ผ่านความกังวลด้านต้นทุนการเงินที่เร่งตัวขึ้น และตลาดหุ้นประเทศตลาดเกิดใหม่ (EM) ไปพร้อมๆ กัน จากเงินทุนไหลออก
ทำให้ในช่วงเวลาดังกล่าวอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้นจาก 1.6% สู่ระดับใกล้เคียง 3% ตลาดหุ้น EM ปรับตัวลง 15-20% โดยเฉลี่ย และตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลงประมาณ 6%
เมื่อเผชิญสถานการณ์ดังกล่าวนักลงทุนควรที่จะ
- ลดสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอายุคงเหลือยาวนาน (duration สูง)
- เสริมความแข็งแกร่งให้พอร์ตด้วยเงินสด หรือสินทรัพย์ที่ไม่มีความสัมพันธ์กับตลาดหุ้น
- กระจายพอร์ตการลงทุนในสินทรัพย์ที่ได้ประโยชน์จากความผันผวน อาทิ Vix ETF
- หากลงทุนในหุ้น อาจเน้นหุ้นคุณภาพสูง กระแสเงินสดดี ROIC สูง มีอัตราการกู้ยืมต่ำ
- หลีกเลี่ยงสินทรัพย์ของประเทศที่อ่อนไหวต่อ Fund Flow, บริษัทหรือหุ้นที่มีอัตราการกู้ยืมสูง หรือ ยังไม่มีกำไร เป็นต้น
- ติดตามสถานการณ์การประชุม FOMC อย่างใกล้ชิดเพื่อประเมินสถานการณ์💡มองหาสินทรัพย์ที่ Panic Sell มากเกินไป เพื่อสร้างโอกาสจากความผันผวน
การนึกถึง Scenario ต่างๆ เพื่อกำหนดกลยุทธ์การลงทุนเอาไว้ให้พร้อมเสมอ เป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งในการบริหารพอร์ตการลงทุนให้เติบโตไปอย่างมั่นคง เพื่อให้เมื่อสถานการณ์เกิดขึ้น ทั้งเป็นไปตามคาด และผิดคาด นักลงทุนจะสามารถดำเนินการได้อย่างทันท่วงที ด้วยเหตุผลตามกลยุทธ์ที่กำหนดไว้แล้ว
คำเตือน : การลงทุนมีความเสี่ยงผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน
FINANSIA WEALTH เรามุ่งเน้นการให้บริการด้านการวางแผนเพื่อการลงทุน การวางแผนเพื่อเกษียณอายุ และการจัดการสินทรัพย์ครอบครัว ด้วยผลิตภัณฑ์ทางการเงินการลงทุนที่หลากหลายครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า พร้อมส่งเสริมความรู้ด้านการลงทุนอย่างต่อเนื่อง
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและติดต่อเปิดบัญชีได้ที่
ฝ่ายบริหารสินทรัพย์ลงทุนลูกค้า
📌 บมจ. หลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส
📌 ฝ่ายบริหารสินทรัพย์ลงทุนลูกค้า
☎️ 02-625-2403
✉️ finansia-wealth@fnsyrus.com
ติดตามเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงก์ด้านล่าง
Web : https://www.finansiawealth.com/
Facebook : https://www.facebook.com/FinansiaWealth?mibextid=LQQJ4d
Yotube : https://youtube.com/@finansiasyrusfnsyrus?si=zgv2lBycsiXBkaKd