KNOWLEDGE LIBRARY

คลังความรู้ทั้งหมด

Tag List

ทั้งหมด

ทองแดง (Copper) หนึ่งในโลหะสำคัญที่เปรียบเสมือนเส้นเลือดของเศรษฐกิจโลก โดยทองแดงนั้นถูกใช้ในทุกภาคการผลิต ตั้งแต่บ้าน รถยนต์ เครื่องจักรหนัก ไปจนถึงรถยนต์ไฟฟ้า เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับทองคำที่เป็นตัวแทนของสินทรัพย์ปลอดภัยในแง่ของการลงทุนนั้น ทำให้สะท้อนภาพกว้างอารมณ์ของตลาดในขณะนั้นได้ว่ามองไปทิศทางไหน

หาก ราคาทองแดง Outperform หรือ Copper Gold Ratio ปรับตัวขึ้น จะหมายถึง ความต้องการใช้ทองแดงในภาคการผลิตที่สูงขึ้น ซึ่งบ่งบอกว่านักลงทุนมองเศรษฐกิจโลกในแง่บวก “สดใส”

ในทางตรงกันข้าม หาก ราคาทองคำ Outperform หรือ Copper Gold Ratio ปรับตัวลดลง จะหมายถึง ความต้องการทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ้น หรือความต้องการทองแดงเพื่อการผลิตลดลง สะท้อนความกังวลเศรษฐกิจชะลอตัว 

โดยสรุปคือ ทองแดงเป็นตัวแทนของความหวังการขยายตัวของเศรษฐกิจ ขณะที่ทองคำเป็นตัวแทนของความกังวลเศรษฐกิจชะลอตัว เมื่อ Copper Gold Ratio เพิ่มขึ้น จะหมายถึงความหวังชนะความกลัว เมื่อ Copper Gold Ratio ลดลง จะหมายถึงความกลัวชนะความหวัง

📊 ทำไม Copper Gold Ratio จึงสำคัญ?
1. ใช้เป็น สัญญาณล่วงหน้า (Leading Indicator) ของแนวโน้มเศรษฐกิจ

2. ใช้ประกอบการตัดสินใจเกี่ยวกับ หุ้น, พันธบัตร, หรือ นโยบายการเงิน

ซึ่งในอดีตที่ผ่านมามี 2 ครั้งที่สัดส่วนนี้สะท้อนได้อย่างดีเยี่ยม คือ

ในปี 2008 หลังวิกฤติซับไพรม์ Copper Gold Ratio ปรับตัวลดลง 0.14 เท่า สะท้อนภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัว พร้อมการปรับตัวขึ้นของทองคำได้เป็นอย่างดี ก่อนปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 0.3 เท่า ในช่วง 1 ปีต่อมา หลังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจำนวนมากออกสู่ตลาด

เช่นเดียวกับปี 2020 หลังวิกฤติ COVID-19 ที่ Copper Gold Ratio ปรับตัวลดลง 0.13 เท่า ก่อนเริ่มปรับตัวขึ้นหลังมาตรการ Unlimited QE ถูกประกาศออกมาในช่วงปลายเดือนมีนาคม ส่งผลให้ความคาดหวังเศรษฐกิจฟื้นตัวกลับมาอีกครั้ง และ Copper Gold Ratio ปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในช่วงปี 2021 ในที่สุด

อย่างไรก็ตาม Copper Gold Ratio ก็ยังมีข้อจำกัดที่นักลงทุนต้องคำนึงถึง อาทิ 

1. บางครั้งราคาทองคำถูกขับเคลื่อนด้วย “นโยบายดอกเบี้ย” หรือ “ความเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์” มากกว่าเศรษฐกิจจริง
2. ราคา Copper อาจมีปัจจัยเฉพาะ เช่น Supply disruption จากเหมืองใหญ่ หรือ อาจมีโลหะอื่นทดแทนได้ในอนาคต

3. อาจมี Noise หรือ ความผันผวนระยะสั้นเกิดขึ้นเป็นครั้งคราว

ดังนั้นแล้ว Copper Gold Ratio แม้จะเป็นสัดส่วนที่ใช้ได้ดีในอดีต แต่ในการใช้สัญญาณใดๆ ก็ตาม อาจใช้สัญญาณนั้นเป็นตัวกรองเบื้องต้น พร้อมด้วยการพิจารณาปัจจัยรอบข้าง เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้นในแต่ละสถานการณ์การลงทุน

หรือ หากต้องการปรึกษาสถานการณ์ด้านการลงทุน พอร์ตการลงทุนปัจจุบัน สนใจวางแผนเพื่อการลงทุน การวางแผนเพื่อเกษียณอายุ และการจัดการสินทรัพย์ครอบครัวติดต่อ FINANSIA WEALTH เรามีผลิตภัณฑ์ทางการเงินและการลงทุนที่หลากหลายครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า


สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและติดต่อเปิดบัญชีได้ที่
📌 บมจ. หลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส
📌 ฝ่ายบริหารสินทรัพย์ลงทุนลูกค้า
☎️ 02-625-2442
✉️ finansia-wealth@fnsyrus.com

ติดตามเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงก์ด้านล่าง
Web : https://www.finansiawealth.com/
Facebook : https://www.facebook.com/FinansiaWealth?mibextid=LQQJ4d
Yotube : https://youtube.com/@finansiasyrusfnsyrus?si=zgv2lBycsiXBkaKd

ราคาบิตคอยน์พุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงตลอดช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา โดยล่าสุดเมื่อวันจันทร์ (14 ก.ค.) ราคาบิตคอยน์พุ่งขึ้นทะลุระดับ 122,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือจ่อแตะระดับ 4,000,000 บาท ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (All-Time High) โดยรับแรงหนุนจากการที่นักลงทุนมีความเชื่อมั่นว่าบิตคอยน์จะกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง ขณะที่สภาพคล่องทางการเงินที่ยังคงอยู่ในระดับสูงทั่วโลก เป็นปัจจัยสำคัญที่หนุนให้ราคาสินทรัพย์ดิจิทัลและคริปโทเคอร์เรนซีปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากปัจจัยความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์คลี่คลายลง

ขณะเดียวกันยังมีปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการเตรียมอนุมัติกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลของสหรัฐฯ ที่ทยอยออกมาเป็นปัจจัยที่หนุนต่อทิศทางราคาสินทรัพย์ดิจิทัล โดยเฉพาะกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับ Stable Coins ประกอบกับเม็ดเงินจากนักลงทุนสถาบันที่ไหลเข้าสู่กองทุน Bitcoin Spot ETF ยังคงอีกปัจจัยช่วยหนุนราคาบิตคอยน์

มาดูกันว่าหากจะลงทุนใน Bitcoin ทางเลือกไหนที่ใช่สำหรับคุณ

1️⃣ลงทุนตรงใน Bitcoin (BTC/USD)
ข้อดี : เข้าถึง BTC ได้โดยตรงผ่าน Digital Asset Exchange สามารถซื้อ-ขายได้ตลอด 24 ชั่วโมง ราคาแบบ real time
ข้อเสีย : มีความผันผวนสูงมาก ต้องจัดเก็บในกระเป๋าเงินดิจิทัล (Digital Wallet)
เหมาะสำหรับ : ผู้ที่ต้องการรับผลตอบแทนตรงจาก Bitcoin สามารถรับความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน และความผันผวนสูงได้

2️⃣ลงทุนผ่าน ETF กลุ่ม Digital Assets –  Blockchain – Bitcoin
ข้อดี : กระจายความเสี่ยงในบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวข้องกับ Blockchain, บริหารจัดการโดยมืออาชีพ, ซื้อ-ขายง่าย
ข้อเสีย : ผลตอบแทนอาจไม่สะท้อนราคาจริงของ Bitcoin
เหมาะสำหรับ : ผู้ที่ต้องการลดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคา Bitcoin

ตัวอย่าง ETF ที่ลงทุนบริษัท/ธุรกิจที่เกี่ยวข้อง

BCHN : Invesco CoinShares Global Blockchain UCITS ETF
– ลงทุนในบริษัทที่มีศักยภาพ หรือ มีส่วนร่วมกับ Blockchain Eco System
– บริษัทที่มีโอกาสเติบโตไปพร้อมกับ Blockchain Technology
– บริหารแบบ Passive โดยมี Coinshares Blockchain Global Equity Index เป็น Benchmark

BLOK : Amplify Transformational Data Sharing ETF
– ลงทุนในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาและใช้ Blockchain Technology
– บริหารแบบ Active

DAPP : VanEck Digital Transformation ETF
– ลงทุนในบริษัทชั้นนำที่เกี่ยวข้องกับ Digital Assets Transformation
– ลงทุนทั้ง Digital Asset Exchanges,  Bitcoin Mining และ บริษัทด้านโครงสร้างพื้นฐานดิจิตัล เป็นต้น
– ลงทุนในบริษัทที่มีศักยภาพสร้างรายได้จาก Digital Assets มากกว่า 50%
– บริหารแบบ Passive โดยมี  MVIS Global Digital Assets Equity Index เป็น Benchmark

WGMI : CoinShares Bitcoin Miners ETF
– ลงทุนในบริษัทที่เกี่ยวกับ Bitcoin Mining หรือบริษัทที่เชี่ยวชาญเกี่ยวกับชิป, Hardware, Software และบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับ Bitcoin Mining ได้
– บริษัทที่ลงทุน 50% ของรายได้หรือกำไรมาจาก Bitcoin Mining
– ลงทุนแบบ Active

BLCN : Siren Nasdaq NexGen Economy ETF
– บริษัทที่ทุ่ม Resource ในการทำ R&D สร้างนวัตกรรม หรือใช้ Blockchain Technology ให้เกิดประโยชน์
– บริหารแบบ Passive โดยมี Nasdaq Blockchain Economy Index เป็น Benchmark

3️⃣ลงทุนผ่านกองทุนรวมกลุ่ม Digital Assets –  Blockchain – Bitcoin

ข้อดี : ลงทุนง่ายผ่าน บลจ.ชั้นนำในไทย, บริหารจัดการโดยมืออาชีพ, มีการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย
ข้อเสีย : ค่าธรรมเนียมสูงกว่าการลงทุนผ่าน ETF, ผลตอบแทนอาจไม่สะท้อนราคาจริงของ Bitcoin
เหมาะสำหรับ : ผู้ที่ต้องการกระจายการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยง และผู้ที่ไม่มีเวลาติดตามตลาด

ตัวอย่างกองทุน

1. กลุ่มที่เน้นลงทุนในบริษัททำธุรกิจเกี่ยวกับ Digital Assets และ Blockchain ต่างๆ อาทิ
– SCBBLOC(A)
– KT-BLOCKCHAIN-A
– ASP-DIGIBLOC
– LHGBLOCK-A
– DAOL-DAPP

2. กลุ่มที่ลงทุนใน Bitcoin ETF อาทิ
– MBTCETF-UI
– ONE-BTCETFOF-UI 
– KT-BTCETFFOF-UI-A
– METHETF-UI

คำเตือน : การลงทุนมีความเสี่ยงผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

FINANSIA WEALTH เรามุ่งเน้นการให้บริการด้านการวางแผนเพื่อการลงทุน การวางแผนเพื่อเกษียณอายุ และการจัดการสินทรัพย์ครอบครัว ด้วยผลิตภัณฑ์ทางการเงินการลงทุนที่หลากหลายครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า พร้อมส่งเสริมความรู้ด้านการลงทุนอย่างต่อเนื่อง

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและติดต่อเปิดบัญชีได้ที่
📌 บมจ. หลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส
📌 ฝ่ายบริหารสินทรัพย์ลงทุนลูกค้า
☎️ 02-625-2442
✉️ finansia-wealth@fnsyrus.com

ติดตามเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงก์ด้านล่าง
Web : https://www.finansiawealth.com/
Facebook : https://www.facebook.com/FinansiaWealth?mibextid=LQQJ4d
Yotube : https://youtube.com/@finansiasyrusfnsyrus?si=zgv2lBycsiXBkaKd

ในยุคที่เศรษฐกิจโลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว มีปัจจัยจำนวนมากที่ส่งผลต่อตลาดการเงิน ไม่ว่าจะเป็นทิศทางเศรษฐกิจ อัตราดอกเบี้ย หรือสงครามการค้าในปัจจุบัน ทำให้การพยายามคาดการณ์ทิศทางตลาดกลายเป็นเรื่องยากและมีความเสี่ยงสูงยิ่งขึ้น

แม้จะติดตามข่าวอย่างใกล้ชิด หรือ  วิเคราะห์ข้อมูลอย่างเข้มข้น เพื่อเอาชนะตลาด แต่โอกาสผิดคาด โอกาสไม่เป็นไปตามแผนก็ยังมีได้อยู่มาก แทนที่จะพยายามเดาว่า “อะไรจะเกิดขึ้น” จะดีกว่าไหม? .. ถ้าเราสามารถวางแผนการลงทุนให้ พร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ ได้ตั้งแต่ต้น? วันนี้เราจะพามาทำความรู้จัก “กองทุน MGALL” 

MFC Global Strategic Allocation Fund คือ กองทุนรวมผสมต่างประเทศที่ลงทุนใน SPDR® Bridgewater® All Weather® ETF ซึ่งออกแบบภายใต้แนวคิด All Weather Strategy จาก Bridgewater บริษัทจัดการลงทุนระดับโลก (Hedge Fund) กองทุนที่จะช่วยให้นักลงทุนสามารถก้าวข้ามความผันผวน และบริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่จำเป็นต้องคาดเดาทิศทางเศรษฐกิจในแต่ละช่วงเวลา 

จุดเด่นของกองทุน MGALL 

กระจายความเสี่ยงแบบมืออาชีพ
ยืดหยุ่น ลงทุนในหลากหลายสินทรัพย์ทั่วโลก ทั้งหุ้น ตราสารหนี้ สินค้าโภคภัณฑ์ พันธบัตรป้องกันเงินเฟ้อ → ไม่ต้องเดาทิศเศรษฐกิจ ปรับพอร์ตสมดุลเองตามความเสี่ยงของแต่ละสินทรัพย์ 

ออกแบบพอร์ตให้สามารถรับมือได้ในสภาวะตลาดที่หลากหลาย
ทั้งช่วงตลาดขาขึ้น/ขาลง เงินเฟ้อสูง หรือเศรษฐกิจถดถอย → เน้นความเสถียร และสามารถเอาตัวรอดทุกสภาพเศรษฐกิจ ไม่ใช่แค่หวังพุ่งแรงในระยะสั้นเพื่อทำกำไร

บริหารจัดการโดยทีมผู้เชี่ยวชาญระดับโลก
บริหารโดย SSGA Funds Management, Inc. ร่วมกับแนวคิดของ Bridgewater Associates (Risk parity) ผู้เชี่ยวชาญด้าน Macro และ Risk Allocation และเป็นที่ปรึกษาให้กับ SSGA

เพิ่มประสิทธิภาพพอร์ตด้วยเครื่องมืออนุพันธ์
กองทุนหลักสามารถลงทุนผ่านอนุพันธ์ต่างๆ อาทิ Futures และ Swaps เพื่อสร้าง Notional Exposure ที่หลากหลาย → เพิ่มความยืดหยุ่นและปรับตัวไวต่อสถานการณ์

✅ Bridgewater Associates คือใคร
คือหนึ่งในบริษัทบริหารเงินลงทุน (Hedge Fund) ที่ใหญ่และทรงอิทธิพลที่สุดในโลก โดยก่อตั้งขึ้นในปี 1975 โดย Ray Dalio ให้บริการลูกค้าสถาบันขนาดใหญ่ รวมถึงกองทุนบำเหน็จบำนาญ, มูลนิธิ, รัฐบาลต่างประเทศ, และธนาคารกลาง

ทำไมต้องตอนนี้ (Why Now?)
1. มูลค่าหุ้นในปัจจุบันอยู่ในระดับที่สูงมาก ทำให้การสร้างผลตอบแทนเหนือค่าเฉลี่ยทำได้ยากขึ้น
2. ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงดำเนินต่อเนื่อง
3. นโยบายการกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ส่งผลให้การพึ่งพาระหว่างประเทศลดลง
4. การเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัว ขณะที่เงินเฟ้อปรับตัวช้า
5. นโยบายการเงินยังคงตึงตัวกว่าที่ควรจะที่ผ่านมา เนื่องจากธนาคารกลางทั่วโลกยังคงต่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อ✅ MGALLเหมาะกับใคร?
1. ผู้ที่ต้องการพอร์ตลงทุนที่ “ไม่ต้องคาดเดาตลาด”
2. ผู้ที่มองหาแผนการลงทุนระยะยาวอย่างยั่งยืน
3. ผู้ที่เชื่อในการกระจายความเสี่ยงอย่างแท้จริง
4. ผู้ที่ไม่มีเวลาติดตามตลาดหรือไม่ได้ต้องการเทรดบ่อยๆ
5. ผู้ที่กังวลกับความผันผวนของเศรษฐกิจในปัจจุบัน

คำเตือน : การลงทุนมีความเสี่ยงผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

FINANSIA WEALTH เรามุ่งเน้นการให้บริการด้านการวางแผนเพื่อการลงทุน การวางแผนเพื่อเกษียณอายุ และการจัดการสินทรัพย์ครอบครัว ด้วยผลิตภัณฑ์ทางการเงินการลงทุนที่หลากหลายครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า พร้อมส่งเสริมความรู้ด้านการลงทุนอย่างต่อเนื่อง

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและติดต่อเปิดบัญชีได้ที่
📌 บมจ. หลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส
📌 ฝ่ายบริหารสินทรัพย์ลงทุนลูกค้า
☎️ 02-625-2442
✉️ finansia-wealth@fnsyrus.com

ติดตามเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงก์ด้านล่าง
Web : https://www.finansiawealth.com/
Facebook : https://www.facebook.com/FinansiaWealth?mibextid=LQQJ4d
Yotube : https://youtube.com/@finansiasyrusfnsyrus?si=zgv2lBycsiXBkaKd

ท่าทีแข็งกร้าวของประธานาธิบดีทรัมป์ต่อทั่วโลก สร้างแรงกดดันต่อเศรษฐกิจและการลงทุนอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าในปัจจุบันการเจรจากับนานาประเทศจะเริ่มต้นขึ้นแล้วก็ตาม แต่การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง และการพึ่งพาตนเองมากขึ้นของนานาประเทศอาจจะยังคงอยู่ต่อไป หนุนโอกาสที่เศรษฐกิจจะชะลอตัวเป็นไปได้มากขึ้น

#เวียดนาม หนึ่งในประเทศที่โดดเด่นอย่างยิ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก็เป็นหนึ่งในประเทศที่กำลังเร่งปรับตัวเพื่อให้การเติบโตของเศรษฐกิจเป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดดเด่นและมั่นคง 

ใน 1Q/2025 เวียดนามสามารถขยายตัวได้ถึง 6.9% YoY ซึ่งเป็นการขยายตัวแบบทั่วถึง นำโดยภาคบริการขยายตัว 7.7% YoY จากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวและการบริโภคภายในประเทศ ตามมาด้วยภาคอุตสาหกรรมและการก่อสร้างขยายตัว 7.4% YoY จากการฟื้นตัวของการผลิตและการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน

รูปที่ 1 การเบิกจ่ายการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) | Source SSI.com as of 20/05/2025 

อีกส่วนสำคัญที่ช่วยการการเติบโตของเศรษฐกิจเวียดนามคือ เวียดนามยังคงรักษาสถานะหนึ่งในจุดหมายปลายทางการลงทุนชั้นนำในภูมิภาคอาเซียน โดยข้อมูลล่าสุด แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่แข็งแกร่งของนักลงทุนต่างชาติ ผ่านการเบิกจ่ายเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI Disbursement) ในช่วง สามเดือนแรกของปี 2025 (3M) ที่มีมูลค่าสูงถึง 5.0 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งนับเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 ปี ทั้งนี้แนวโน้มการเบิกจ่าย FDI ของเวียดนามที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เอื้อต่อการลงทุน และนโยบายของภาครัฐที่มุ่งเน้นการดึงดูดเม็ดเงินจากต่างชาติ

รูปที่ 2 คาดการณ์ผลกระทบจากสงครามการค้าต่อ GDP เวียดนาม | Source SSI.com as of 20/05/2025

อย่างไรก็ตามการที่เวียดนาม ส่งออกสินค้าไปสหรัฐฯ กว่า  120 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็นกว่า 29.5% ของการส่งออกทั้งหมด โดยทาง SSI Securities Corporation ประเมินว่า อาจสร้างแรงกดดันต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจให้ชะลอตัวลงได้สูงสุดถึง 3.21% หากเวียดนามต้องเผชิญอัตราภาษีสินเข้าสูงสุดที่ระดับ 46% จากเดิมทีที่เวียดนามถูกคาดว่าจะเติบโต 8% ในปี 2025 เหนือประเทศอื่นๆ ในอาเซียนที่ถูกคาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย 5%

โดยกลุ่มสินค้าหลักที่ได้รับผลกระทบสูงสุด ได้แก่:

👉คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องจักรอุปกรณ์ มูลค่าส่งออกรวม 72 พันล้านดอลลาร์ คิดเป็น 51% ของการส่งออกทั้งหมดไปยังสหรัฐฯ ยังได้รับการยกเว้นภาษี

👉สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม และ รองเท้า มูลค่าส่งออก 15 พันล้านดอลลาร์ และ 9 พันล้านดอลลาร์ ตามลำดับ ซึ่งเดิมถูกเก็บภาษีในอัตรา 14% และ 12% ตามลำดับในปี 2024 โดยอาจจะถูกเก็บภาษีสูงถึง 46% ก่อนมีการเจรจา

👉เฟอร์นิเจอร์ และ ผลิตภัณฑ์พลาสติก มูลค่าส่งออก 15 พันล้านดอลลาร์ และ 4 พันล้านดอลลาร์ ตามลำดับ ก็อาจจะได้รับผลกระทบจากภาษีสูงถึงระดับ 47% และ 51% ตามลำดับ ก่อนมีการเจรจา

ทั้งจากผลกระทบจากสงครามการค้าที่อาจเกิดขึ้นข้างต้น และการเตรียมเดินหน้าไปสู่ประเทศพัฒนาแล้วอย่างมั่นคง หนุนให้เวียดนามผลักดันมาตรการ Doi Moi 2.0 หรือ มาตรการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจและสถาบัน โดยมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพกลไกภาครัฐ การยกระดับกรอบกฎหมาย และการส่งเสริมสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่โปร่งใสและเป็นมิตรกับนักลงทุน เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลกยุคใหม่ ซึ่งประกอบไปด้วย

การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ที่รัฐบาลได้เร่งลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญเพื่อสนับสนุนการเติบโตในระยะยาว ได้แก่:ด้านคมนาคม: มีการเริ่มต้นโครงการใหญ่กว่า 80 โครงการในวันที่ 19 เมษายน ซึ่งรวมถึงทางรถไฟความเร็วสูงสายเหนือ-ใต้👉ด้านพลังงาน: มีการปรับปรุงแผนพัฒนาพลังงานแห่งชาติ (PDP8)
ด้านดิจิทัล: เดินหน้าแผนยุทธศาสตร์ตามมติที่ 57 เพื่อเร่งการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจดิจิทัล
ด้านการเงิน: ส่งเสริมบล็อกเชน การยกระดับตลาดทุน

มาตรการเชิงนโยบายเพื่อสนับสนุนประชาชนและธุรกิจ เพื่อหนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจ และยกระดับสังคม อาทิ
การลดภาษีประเภทต่างๆ ได้แก่ ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT), ภาษีนิติบุคคล (CIT) และภาษีสรรพสามิต (SCT)
การสนับสนุนการศึกษาและระบบสาธารณสุขฟรี
การปลดล็อกข้อจำกัดทางกฎหมายในตลาดที่อยู่อาศัย และการจัดตั้ง “กองทุนที่อยู่อาศัยแห่งชาติ”
การผลักดันมาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำและแพ็คเกจสินเชื่อระยะสั้น

รูปที่ 3 การใช้จ่ายภาครัฐ และเอกชน เวียดนาม | Source SSI.com as of 20/05/2025

หนุนให้ความคาดหวังการเติบโตของเวียดนามนั้น ยังมีโอกาสเติบโตอย่างมั่นึวเพิ่มเติมมากขึ้น ข้อมูลจากกระทรวงการคลังเวียดนาม (MOF) ระบุว่า ภาครัฐมีแนวโน้มเพิ่มการใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในปี 2025 คาดว่าการใช้จ่ายภาครัฐจะสูงที่สุดในรอบหลายปี ขณะที่สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP มีแนวโน้มลดลงจากระดับกว่า 60% ในปี 2020 มาอยู่ที่ประมาณ 40% ในปี 2024 ก่อนจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในปี 2025

ลดการพึ่งพาเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ ลดความอ่อนไหวต่อเศรษฐกิจโลก รวมไปถึงปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ ที่อาจเร่งตัวอย่างคาดเดาไม่ได้

รูปที่ 4 Vietnam PE Valuation | Source SSI.com as of 20/05/2025

เมื่อพิจารณาไปยัง Valuation จะพบว่าระดับมูลค่าของตลาด ณ ปัจจุบันอยู่ในจุดที่น่าสนใจที่ P/E 11.6x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ 15.5x หรือคิดเป็นระดับ -2SD หนุนความน่าสนใจจากโอกาสการเติบโตในระยะยาว และการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่จะนำมาซึ่งความมั่นคงมากยิ่งขึ้น

อีกทั้งเมื่อพิจารณาไปยังการปรับตลาดหุ้นเวียดนามเข้าสู่ระดับตลาดเกิดใหม่ของ FTSE ในช่วงต้นปี 2026 ที่จะส่งเสริมให้มีเงินลงทุนไหลเข้าสู่ตลาดเวียดนามมากขึ้น 1 – 9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หนุนโอกาสการปรับตัวขึ้นในอนาคต สร้างความน่าสนใจลงทุนในระยะยาว

กองทุนหุ้นเวียดนามยอดนิยม📊 PRINCIPAL VNEQ-A กองทุนคัดเลือกหุ้นเวียดนามโดยตรง ด้วยกลยุทธ์แบบ High Conviction ประมาณ 20 ตัว วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกด้วยวิธี Bottom-up และ Top-down ผ่านการทำ Internal Research และ Site Visit บริษัทในเวียดนามทุกไตรมาส เน้นสร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่ม (Alpha) ด้วยการเข้าถึงข้อมูลที่รวดเร็วก่อนตลาด โดยมีเป้าหมาย Excess return 3% เหนือ Benchmark 

คำเตือน : การลงทุนมีความเสี่ยงผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

FINANSIA WEALTH เรามุ่งเน้นการให้บริการด้านการวางแผนเพื่อการลงทุน การวางแผนเพื่อเกษียณอายุ และการจัดการสินทรัพย์ครอบครัว ด้วยผลิตภัณฑ์ทางการเงินการลงทุนที่หลากหลายครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า พร้อมส่งเสริมความรู้ด้านการลงทุนอย่างต่อเนื่อง

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและติดต่อเปิดบัญชีได้ที่
📌 บมจ. หลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส
📌 ฝ่ายบริหารสินทรัพย์ลงทุนลูกค้า
☎️ 02-625-2442
✉️ finansia-wealth@fnsyrus.com

ติดตามเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงก์ด้านล่าง
Web : https://www.finansiawealth.com/
Facebook : https://www.facebook.com/FinansiaWealth?mibextid=LQQJ4d
Yotube : https://youtube.com/@finansiasyrusfnsyrus?si=zgv2lBycsiXBkaKd

PHP Code Snippets Powered By : XYZScripts.com